โรคตับแข็งเป็นภาวะที่ตับเกิดความเสียหายและเกิดพังผืดขึ้นจนทำให้การทำงานของตับลดลง ซึ่งหนึ่งในสาเหตุสำคัญของโรคนี้คือการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลานาน ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคตับแข็งจากการดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่สาเหตุ อาการ การรักษา และแนวทางป้องกัน
แอลกอฮอล์กับตับ: กลไกของความเสียหาย
ตับเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยในการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย รวมถึงการเผาผลาญแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไป เมื่อเราดื่มแอลกอฮอล์ ตับจะต้องทำงานหนักเพื่อย่อยสลายและขจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย แต่ถ้าหากมีการดื่มอย่างต่อเนื่องและในปริมาณมาก ตับจะได้รับความเสียหายจนเกิดการอักเสบและเกิดพังผืดขึ้นในเนื้อตับ เมื่อเวลาผ่านไป พังผืดจะสะสมมากขึ้นจนตับไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และนำไปสู่ภาวะตับแข็งในที่สุด
อาการของโรคตับแข็ง
โรคตับแข็งในระยะแรกอาจไม่มีอาการที่ชัดเจน แต่เมื่อโรคดำเนินไปสู่ระยะที่รุนแรงขึ้น ผู้ป่วยอาจมีอาการดังนี้:
- อ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย – เนื่องจากตับไม่สามารถเผาผลาญพลังงานได้เต็มที่
- น้ำหนักลดและเบื่ออาหาร – การทำงานของตับที่ผิดปกติส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร
- ตัวเหลืองและตาเหลือง (ดีซ่าน) – เกิดจากการสะสมของสารบิลิรูบินในร่างกาย
- ท้องโต (น้ำในช่องท้องหรือท้องมาน) – เกิดจากความดันในเส้นเลือดดำพอร์ทัลสูงขึ้น
- เลือดออกง่ายและมีจ้ำเลือดตามตัว – เนื่องจากตับไม่สามารถผลิตโปรตีนที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือดได้
- เส้นเลือดขยายที่หลอดอาหารและกระเพาะอาหาร – อาจทำให้เกิดเลือดออกภายในอย่างรุนแรง
- สมองสับสนและมึนงง – เนื่องจากตับไม่สามารถขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมจากตับ
การวินิจฉัยโรคตับแข็ง
แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคตับแข็งได้โดยใช้วิธีต่าง ๆ เช่น:
- การตรวจเลือด เพื่อตรวจหาค่าการทำงานของตับ เช่น
- AST (Aspartate Aminotransferase) ค่าปกติอยู่ที่ 10-40 U/L หากสูงเกินไปอาจบ่งชี้ถึงความเสียหายของตับ
- ALT (Alanine Aminotransferase) ค่าปกติอยู่ที่ 7-56 U/L การเพิ่มขึ้นของค่า ALT มักเกิดจากโรคตับอักเสบหรือภาวะตับแข็ง
- ALP (Alkaline Phosphatase) ค่าปกติอยู่ที่ 30-120 U/L หากสูงอาจเป็นสัญญาณของภาวะน้ำดีอุดตันหรือโรคตับแข็ง
- บิลิรูบิน (Bilirubin) ค่าปกติของบิลิรูบินรวมอยู่ที่ 0.1-1.2 mg/dL หากค่าสูงขึ้น อาจทำให้เกิดภาวะดีซ่าน
- อัลบูมิน (Albumin) ค่าปกติอยู่ที่ 3.5-5.0 g/dL หากลดลง อาจบ่งชี้ถึงการทำงานของตับที่ลดลง
- ค่าโปรธรอมบินไทม์ (Prothrombin Time – PT) ค่าปกติอยู่ที่ 11-13.5 วินาที หากยาวนานขึ้นอาจแสดงถึงความสามารถในการแข็งตัวของเลือดที่ลดลงเนื่องจากตับเสียหาย
- อัลตราซาวด์ช่องท้อง เพื่อดูขนาดและลักษณะของตับ
- เอลาสโตกราฟี (Elastography) เป็นเทคนิคพิเศษที่ช่วยประเมินความแข็งของเนื้อตับ
- การตรวจชิ้นเนื้อตับ (Liver Biopsy) เพื่อดูระดับของพังผืดในตับ
การรักษาโรคตับแข็งจากการดื่มแอลกอฮอล์
ปัจจุบันโรคตับแข็งไม่สามารถรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้ แต่สามารถชะลอการลุกลามของโรคและบรรเทาอาการได้ โดยแนวทางการรักษามีดังนี้:
- หยุดดื่มแอลกอฮอล์ทันที – เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ช่วยลดความเสียหายของตับ
- ควบคุมอาหาร – หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงและโซเดียมสูง ควรรับประทานโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง – เช่น ยาขับปัสสาวะเพื่อลดอาการท้องมาน หรือยาลดความดันในเส้นเลือดดำพอร์ทัล
- การปลูกถ่ายตับ – เป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้ป่วยที่ตับเสียหายอย่างรุนแรงและไม่สามารถฟื้นตัวได้
การป้องกันโรคตับแข็งจากแอลกอฮอล์
- ลดหรือเลิกดื่มแอลกอฮอล์โดยสิ้นเชิง
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติการดื่มหนัก
บทสรุป
โรคตับแข็งจากการดื่มแอลกอฮอล์เป็นภัยเงียบที่สามารถป้องกันได้ หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีพฤติกรรมการดื่มที่เสี่ยง ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนที่จะสายเกินไป เพราะเมื่อโรคตับแข็งเกิดขึ้นแล้ว โอกาสในการฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติมีอยู่น้อยมาก การเลิกดื่มแอลกอฮอล์และดูแลสุขภาพเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคนี้