การทำมือถือหายอาจเป็นเรื่องที่ทำให้เครียดและกังวลมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข้อมูลสำคัญอยู่ในเครื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีหลายวิธีที่สามารถใช้เพื่อติดตามมือถือที่หายไปได้ ทั้งบนระบบ Android และ iPhone โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแอปพลิเคชันเสริม นี่คือวิธีที่สามารถช่วยคุณค้นหาโทรศัพท์ที่หายไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
🔹 วิธีติดตามมือถือ Android ที่หาย
หากคุณใช้มือถือ Android คุณสามารถใช้บริการ Find My Device ของ Google เพื่อค้นหาอุปกรณ์ที่สูญหาย โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- ใช้ Google Find My Device (ค้นหาอุปกรณ์ของฉัน)
เปิดเว็บเบราว์เซอร์บนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ และเข้าไปที่: https://www.google.com/android/find
ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google ที่เชื่อมโยงกับมือถือที่หาย
ระบบจะแสดงแผนที่พร้อมตำแหน่งปัจจุบันของมือถือ (หากเปิด GPS และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่)
คุณสามารถทำสิ่งต่อไปนี้:
เล่นเสียง: บังคับให้มือถือส่งเสียงดังแม้จะตั้งเป็นโหมดเงียบ
ล็อคเครื่อง: ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าถึงมือถือ
ลบข้อมูลจากระยะไกล: รีเซ็ตเครื่องเพื่อลบข้อมูลทั้งหมด (ใช้เมื่อมั่นใจว่าหาไม่เจอแล้ว)
- ใช้บัญชี Google Maps เพื่อตรวจสอบตำแหน่งล่าสุด
ไปที่ https://www.google.com/maps/timeline
ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google
ตรวจสอบตำแหน่งล่าสุดของมือถือจากไทม์ไลน์การเดินทาง
วิธีติดตามมือถือ iPhone ที่หาย
หากคุณใช้ iPhone คุณสามารถใช้ Find My iPhone ซึ่งเป็นฟีเจอร์ของ Apple ที่ช่วยให้ติดตามมือถือที่สูญหายได้
- ใช้แอป Find My iPhone
เข้าไปที่ https://www.icloud.com/find
ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID ที่เชื่อมโยงกับ iPhone ที่หาย
ระบบจะแสดงแผนที่และตำแหน่งล่าสุดของ iPhone
คุณสามารถเลือก:
Play Sound (เล่นเสียง): ทำให้มือถือส่งเสียงดัง
Lost Mode (โหมดสูญหาย): ล็อคเครื่องและแสดงข้อความติดต่อกลับ
Erase iPhone (ลบข้อมูลทั้งหมด): ลบข้อมูลทั้งหมดจากระยะไกล
- ใช้ Google Maps ติดตามตำแหน่งล่าสุดของ iPhone
หากเคยเปิด Location History บน Google Maps:
เข้าไปที่ https://www.google.com/maps/timeline
ตรวจสอบตำแหน่งล่าสุดของ iPhone ก่อนที่แบตจะหมด
วิธีป้องกันมือถือหายและเพิ่มโอกาสในการติดตาม
🔹 เปิดใช้งาน Find My Device หรือ Find My iPhone – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเปิดฟีเจอร์นี้อยู่ตลอดเวลา
🔹 บันทึก IMEI ของมือถือ – สามารถใช้แจ้งตำรวจหรือติดต่อเครือข่ายโทรศัพท์
🔹 ตั้งรหัสผ่านหรือล็อคหน้าจอ – ป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าถึงข้อมูลของคุณ
🔹 เปิด Location History บน Google Maps – ช่วยให้ตรวจสอบตำแหน่งล่าสุดได้
🔹 สำรองข้อมูลเป็นประจำ – กันพลาดกรณีที่ต้องลบข้อมูลจากระยะไกล
✨ สรุป
หากมือถือของคุณหายไป อย่าตื่นตระหนก ให้ทำตามขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อค้นหาอุปกรณ์ของคุณ หากคุณไม่สามารถกู้คืนมือถือได้ ควรลบข้อมูลและแจ้งผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อปิดใช้งานซิมการ์ด เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด
✅ สำหรับ Android: ใช้ Find My Device หรือ Google Maps Timeline
✅ สำหรับ iPhone: ใช้ Find My iPhone หรือ iCloud
การเตรียมตัวล่วงหน้าจะช่วยให้คุณสามารถติดตามมือถือที่สูญหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการสูญเสียข้อมูลสำคัญ